17 เรื่องน่ารู้ คู่ความงาม

17 เรื่องน่ารู้ คู่ความงาม

17 เรื่องน่ารู้ คู่ความงาม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

1. ช๊อกโกแลตนี่แหละ ที่มาของใบหน้ามีสิว
จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการศึกษาหรืองานวิจัยใดๆที่สนับสนุนว่าความเชื่อดังกล่าวเป็นจริง ในต่างประเทศได้มีการทดลองทฤษฎีนี้โดยแบ่งคนเป็นสิวที่มีความรุนแรงเท่าๆกันออกเป็นสองกลุ่ม ให้กลุ่มแรกงดกินช๊อกโกแลตเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ส่วนกลุ่มหลังให้กินช๊อกโกแลต 3 แท่งต่อสัปดาห์ติดต่อกันเป็นเวลานาน 4 สัปดาห์ ผลการทดลองพบว่าไม่มีความแตกต่างระหว่างคนทั้งสองกลุ่ม จึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าการกินช๊อกโกแลตเป็นสาเหตุหนึ่งซึ่งไปกระตุ้นให้เกิดสิวขึ้นจริงเหมือนอย่างที่หลายคนเชื่อกัน...แต่ทำให้อ้วนได้แน่นอนเชียวค่ะ

 

2. ค่า SPF ในครีมกันแดดยิ่งสูงยิ่งกันแดดได้ดี
SPF ย่อมาจาก Sun Protection Factor เป็นค่าที่บอกว่าผิวของคุณสามารถทนต่อแสงแดดได้นานเท่าไหร่โดยไม่เกิดผิวไหม้ เช่น ถ้าคุณไปตากแดดแล้วเกิดผิวไหม้ภายใน 15 นาที หลังใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 15 แล้วจะช่วยทำให้ผิวของคุณทนต่อการไหม้ของแดดได้นานขึ้นถึง 15x15=225 นาที ส่วนค่า SPF ที่เพิ่มขึ้นจะช่วยให้ผิวป้องกันแสงแดดได้มากขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เช่น SPF 30 กันแดดได้ 97% SPF 60 กันได้ 98-98.5% จะเห็นว่า SPF จาก 30 เป็น 60 ช่วยกันแดดได้เพิ่มขึ้นเพียง 1-1.5% เท่านั้นซึ่งถือว่าน้อยมาก ดังนั้น ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆจึงไม่ได้ดีกว่าเสมอไป

 

3. วิตามินและอาหารเสริมเพิ่มความสวย
การรับประทานวิตามินและอาหารเสริมกลายเป็นกระแสนิยมไปแล้วในขณะนี้ เนื่องจากมีโฆษณาชวนเชื่อมากมาย อ้างว่าสามารถทำให้ผิวสวยสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอกได้ หากคุณอยู่ดีกินดีไม่ได้อดมื้อกินมื้อ วิตามินและอาหารเสริม ก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็น เพราะการรับประทานอาหารครบทั้ง 5 หมู่และผักผลไม้สดๆย่อมได้คุณค่าทางอาหารมากกว่าอยู่แล้ว แถมราคายังถูกกว่าอีกด้วย จริงไหมคะ

 

4. ย้อมผมอย่างไรให้ปลอดภัย
ยาย้อมผมเป็นเครื่องสำอางที่มีสารเคมีบางชนิดซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายได้หากใช้ผิดวิธี เพื่อความปลอดภัยควรทดสอบอาการแพ้โดยทาบนท้องแขนก่อนใช้ 24 ชั่วโมง หากไม่มีอาการคัน บวม แดงจึงย้อมได้ ห้ามใช้ถ้ามีผื่นผิวหนังอักเสบ แผลเปิดหรือรอยถลอกบนหนังศรีษะ ไม่ควรเกาหรือนวดศรีษะก่อนและระหว่างย้อม อย่านำไปย้อมขนที่อื่น เช่น ขนตา ขนคิ้ว ระวังไม่ให้น้ำยาย้อมกระเด็นเข้าตาเด็ดขาด หากมีอาการคัน ปวดแสบปวดร้อน มีผื่นแดงให้หยุดใช้ทันทีแล้วล้างออกด้วยน้ำปริมาณมากๆก่อนไปพบแพทย์

 

5. ทำอย่างไรดีเมื่อเล็บเปราะบาง
เล็บเปราะเกิดจากการขาดความชุ่มชื้นซึ่งมักพบในคนที่ล้างมือบ่อยๆหรือขาดแร่ธาตุบางชนิด เช่น ไบโอติน แคลเซียม การใช้ครีมบำรุงผิวเข้มข้นหลังล้างมืออาจทำให้ดีขึ้นบ้าง ควรตัดเล็บให้สั้นเพื่อป้องกันเล็บฉีกเมื่อต้องหยิบจับของแข็ง หมั่นรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อการบำรุงเล็บ เช่น ตับ เนื้อสัตว์ ข้าวกล้อง และถั่ว ถ้ายังไม่ดีขึ้นลองรับประทานไบโอตินขนาด 2.5 มิลลิกรัมกต่อวัน จะช่วยให้เล็บแข็งแรงขึ้นได้

 

6. สนไหม..สมุนไพรพอกหน้าให้ด่างดำ
การใช้สมุนไพรพอกหน้าจากสถานเสริมความงามหรือทำด้วยตัวเองต้องระวังมากเป็นพิเศษ เพราะหากโชคไม่ดีแทนที่จะได้หน้าขาวใสกลับได้รอยด่างดำแทน เพราะพืชสมุนไพรบางชนิด เช่น มะนาว มะกรูด มีสารที่ทำให้เกิดผื่นผิวหนังอักเสบและรอยดำหลังจากสัมผัสสารนั้นแล้วไปตากแดด ดังนั้น ถ้าไม่จำเป็นควรหลีกเลี่ยงดีกว่าค่ะ

 

7. ที่มีของปัญหาผิวแตกลาย
ผิวแตกลาย เป็นปัญหาที่พบบ่อยในวัยรุ่นที่โตเร็ว นักกีฬาเล่นกล้าม หญิงตั้งครรภ์และโรคที่มีความผิดปกติของฮอร์โมน การที่ร่างกายมีขนาดโตขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ผิวหนังขยายตัวยืดตามไม่ทันจึงเกิดเป็นรอยแผลย่นขึ้น ระยะแรกผิวแตกลายมีสีแดงและจะกลายเป็นสีขาวออกวาวๆในระยะหลัง การทายาในกลุ่มกรดวิตามินเออาจทำให้ดีขึ้นได้บ้าง ส่วนการรักษาเลเซอร์ต้องทำต่อเนื่องหลายครั้งและมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง

 

8. มอยส์เจอไรเซอร์จำเป็นมากขาดไม่ได้
มอยส์เจอไรเซอร์เป็นผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวพรรณซึ่งมีหลากหลายชนิดให้เลือกใช้ โลชั่นเหมาะสำหรับคนที่มีผิวผสมหรือผิวแห้งในบางพื้นที่ ครีมเหมาะกับคนผิวแห้งซึ่งควรเลือกชนิดที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสิวอุดตันภายหลัง ส่วนผิวแพ้ง่ายให้เลือกชนิดที่ไม่มีสี ไม่มีน้ำหอม และระบุว่าเป็น Hypoallergenic ใครที่หน้ามันอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์เลยก็ได้ เพราะผิวมีความชุ่มชื้นอยู่แล้ว

 

9. เหงื่อออกมากผิดปกติที่รักแร้
ภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ เป็นภาวะที่ระบบประสาทซึ่งควบคุมการหลั่งของเหงื่อทำงานมากกว่าปกติ ตำแหน่งที่พบบ่อยคือ รักแร้ ฝ่ามือและฝ่าเท้า คนประสบปัญหานี้จะมีซอกรักแร้เปียกชื้นตลอดเวลาและอาจทำให้มีกลิ่นตัวได้ บางคนไม่กล้าใส่เสื้อผ้าสีอ่อนๆเพราะกลัวจะเห็นเป็นรอยเปียกเหงื่อ การรักษามีหลายวิธี เช่น การทายา Aluminium chloride 20% การรับประทานยาที่มีผลระงับเหงื่อ การฉีดโบท๊อกซ์ และการผ่าตัดต่อมเหงื่อ

 

10. ยาสีฟันใช้ทาแผลน้ำร้อนลวกได้จริงหรือ
ยาสีฟันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการทำความสะอาดฟันซึ่งมีส่วนประกอบของสารขัดสี สารควบคุมความเป็นกรด-ด่าง สารที่ทำให้เกิดฟองและสารกันบูด ยังมีคนอีกมากที่ปฐมพยาบาลแผลน้ำร้อนลวกเบื้องต้นด้วยการทายาสีฟัน ความจริงแล้วไม่มีส่วนผสมใดๆในยาสีฟันที่สามารถช่วยรักษาหรือสมานแผลได้เลย แต่อาจทำให้เกิดแผลลุกลามจากการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อนยากต่อการรักษาและทิ้งรอยแผลเป็นมากกว่าปกติได้

 

11. ถ้าไม่อยากแก่เร็วอยู่ให้ไกลจากบุหรี่
ทราบไหมคะว่าการสูบบุหรี่นอกจากจะเป็นสาเหตุของโรคถุงลมโป่งพองและมะเร็งปอดแล้ว ยังมีผลกระทบต่อระบบผิวหนังอีกด้วย สารนิโคตินในบุหรี่จะทำให้เส้นเลือดเกิดการหดตัวจึงส่งผลให้การหมุนเวียนของเลือดไปเลี้ยงผิวหนังลดลง แถมยังมีสารอะซีตาลดีไฮด์ซึ่งถูกปล่อยออกมากับควันบุหรี่ไปรบกวนทำให้ผิวหนังอ่อนแอลง นานๆเข้าสีผิวจะกลายเป็นสีเหลืองอมเทา เกิดรอยย่นและแก่ก่อนวัยได้

 

12. ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการต่อเล็บ
การต่อเล็บต้องใช้กาวเป็นตัวเชื่อมระหว่างเล็บจริงกับเล็บปลอม สารประกอบที่สำคัญของกาวเชื่อม คือ เอทธิลไซยาโนอะคริเลท มีคนจำนวนหนึ่งซึ่งมีปฎิกิริยาแพ้สารตัวนี้ทำให้ผิวหนังรอบเล็บเป็นผื่นแดง บวม คันมาก และยากต่อการรักษา ดังนั้น การต่อเล็บจึงเป็นทางเลือกของความสวยที่มีความเสี่ยงด้วยเช่นกัน

 

13. ครีมกันแดดสำหรับวันที่มีแดดเท่านั้น
เป็นที่ทราบกันดีว่ารังสีอัลตราไวโอเลตในแสงแดดสามารถทำให้ผิวหนังไหม้ เกิดริ้วรอย กระ ฝ้าและมะเร็งผิวหนังได้ มีคนจำนวนไม่น้อยคิดว่าถ้าแดดไม่ออกหรือเวลาไปเที่ยวต่างประเทศที่มีเมฆครึ้มหิมะตกก็ไม่ต้องทาครีมกันแดดซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะถึงแม้ว่าเมฆจะหนาทึบเพียงใด 80% ของรังสีอัลตร้าไวโอเลตยังคงลอดผ่านลงมาอยู่ดี หรือแม้แต่แสงจากไฟในห้องก็ตามค่ะ

 

14. ขนคุด ที่มาและวิธีกำจัด
ขนคุดเกิดจากเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วอุดตันอยู่ในรูขุมขน ทำให้ขนไม่สามารถงอกออกมาได้อย่างปกติ มีลักษณะเป็นตุ่มนูนเม็ดเล็กๆ คลำแล้วรู้สึกสากๆ บริเวณที่พบบ่อยคือต้นแขนและต้นขา ส่วนใหญ่มักไม่มีอาการ บางครั้งอาจมีการอักเสบร่วมด้วยทำให้เห็นเป็นตุ่มแดง พบว่ามีความสัมพันธ์กับโรคภูมิแพ้ การทายาประเภทอนุพันธ์ของกรดวิตามิน AHA หรือ BHA จะทำให้ดีขึ้นได้ แต่ถ้าหยุดก็มีโอกาสกลับมาเป็นใหม่ได้อีก

 

15. นอนผิดท่าใบหน้ามีริ้วรอย
เคยไหมคะว่าที่คุณพบว่าใบหน้ามีรอยย่นหลังตื่นนอนขึ้นมาตอนเช้าหรือว่าร่องแก้มด้านหนึ่งมีรอยลึกมากกว่าอีกด้าน ริ้วรอยที่เกิดขึ้นนี้มีผลมาจากการนอนในท่าที่มีการกดทับติดต่อกันเป็นเวลานานหลายชั่วโมงที่เรียกว่า "สลีฟ ลายน์" คนที่ชอบนอนคว่ำหรือนอนตะแคงอาจเกิดรอยแบบนี้ได้มาก หากคุณเป็นคนหนึ่งซึ่งประสบปัญหานี้ให้ลองฝึกนอนหงายดูนะคะ เพราะการนอนหลับในท่านอนหงายจะดีที่สุดสำหรับผิวหน้าของคุณค่ะ

 

16. จุดซ่อนเร้นสะอาดเกินจำเป็น...อันตราย
จุดซ่อนเร้นหรือช่องคลอดของผู้หญิงจะมีสภาวะเป็นกรดอ่อนๆจากเชื้อจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ซึ่งมีผลดีต่อการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเฉพาะที่เป็นประจำอาจทำให้สมดุลของความเป็นกรดด่างนี้เสียไป ส่งผลให้เชื้อราเติบโตขึ้นมาแทน บางรายอาจเกิดการแพ้และระคายเคืองจากน้ำหอมที่ผสมอยู่ โดยทั่วไปการทำความสะอาดช่อ่งคลอดด้วยน้ำเปล่าและสบู่ธรรมดาก็เพียงพอแล้ว

 

17. เรื่องของส้นเท้าแตก แห้งและเจ็บ
ส้นเท้าแตกเป็นอาการของผิวหนังที่แห้งและขาดความชุ่มชื้นอย่างมากทำให้ผิวหนังส่วนนอกหนาและแตกเป็นร่องคล้ายกับผิวดินที่แตกระแหง บางคนพยายามจะดึงหนังที่แข็งๆออก แต่กลับทำให้หนังฉีกลึกลงไปถึงเนื้อด้านในซึ่งจะเจ็บมากเวลาเดิน การรักษาต้องใช้มอยส์เจอไรเซอร์ชนิดเข้มข้นร่วมกับยาทาที่มีส่วนผสมของยูเรียและกรดซาลิไซลิกทาเป็นประจำทุกวันจึงจะดีขึ้น

 

 

ขอบคุณภาพประกอบ : Getty Images

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook