6 เรื่องแปลกสุดเซอร์ไพรส์ ใน facebook

6 เรื่องแปลกสุดเซอร์ไพรส์ ใน facebook

6 เรื่องแปลกสุดเซอร์ไพรส์ ใน facebook
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

กระแส Faithbook ที่กำลังมาแรงจัดของ Facebook ในขณะนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรต้านอยู่เสียแล้ว
สำหรับเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ได้ย่นย่อโลกทั้งใบมาไว้เพียงแค่ปลายนิ้วมือ รวมทั้งโลกส่วนตัวของแต่ละคนที่ดูเหมือนจะกลายเป็นกระแส ‘เรื่องส่วนตัวในโลกสาธารณะ' ที่ทุกอย่างจะถูกนำมาแชร์กันผ่านFacebook กันอย่างหมดเปลือกมากขึ้น ความเป็นบุคคลสาธารณะ แม้จะไม่ได้เป็นซูเปอร์สตาร์หรือเซเลบริตี้ ชื่อดัง กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้วสำหรับสังคมโลกไซเบอร์ยุคนี้ ถ้าอย่างนั้นคุณพร้อมหรือยังที่จะเจอ เรื่องสุดเซอร์ไพรส์ในชีวิต ที่เกิดจากผลพวงของสังคมเครือข่ายออนไลน์บน Facebook เหมือนคนเหล่านี้

 


สาวเหวอ! ถูกขโมยรูปที่โพสต์บน Facebook
1..2..3..ยิ้มหน่อย!! นาทีแห่งความสุขของครอบครัวมิสซูรี่ (Missouri)ที่โพสต์รูปถ่ายของพวกเขาไว้ตอนช่วงคริสต์มาสเป็นอนุสรณ์แห่งความทรงจำที่ดีที่ครอบครัวนี้ต้องการแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ ของเขาบนFacebook ได้เห็น แต่มันไม่ได้อยู่แค่เพียงหน้าส่วนตัวบน Facebook ของพวกเขาเทา่ นนั้ หากแตภ่ าพแหง่ ความสขุ ของครอบครวั นไี้ ดโ้ ชวห์ ราบนแผน่ ปา้ ยโฆษณาขนาดยักษ์ที่ร้านขายอาหารแห่งหนึ่งในกรุงปราก รูปถ่ายนี้ของพวกเขาได้กลายมาเป็นภาพโฆษณาที่ไม่ได้มีการขออนุญาตจากเจ้าของภาพเลยแม้แต่น้อย เจ้าของร้านค้าแห่งนี้ มาริโอ เบอร์ทุกซิโอ บอกว่า เขาได้นำภาพนี้มาจากอินเตอร์เน็ต และเขาก็ไม่รู้เลยว่ามันเป็นภาพของครอบครัวที่มีอยู่จริงๆ

ชวดเงินหลายล้านบาท เพราะภาพบนชายหาดภาพเดียว
นาตาลี แบรนชาร์ด เป็นสาว Facebook ที่โชคร้ายที่สุดในรอบปีที่ผ่านมาก็ว่าได้ เพราะบริษัทประกันที่เธอเป็นลูกค้าอยู่ปฏิเสธที่จะให้เงินค่าประกันรายเดือนที่เคยให้เธอตลอด 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา เนื่องจากเธอเป็นโรคซึมเศร้า ทำให้เธอต้องออกจากงานที่บริษัทไอบีเอ็มที่โบรมองต์ ทั้งนี้เป็นเพราะทางบริษัทประกันพบว่า นาตาลีได้โพสต์รูปถ่ายขณะที่เธอกำลังสนุกสนานอยู่บนชายหาดแห่งหนึ่ง และกำลังเริงร่าอยู่ในปาร์ตี้วันเกิดของเธอเองอย่างมีความสุข ดังนั้นบริษัทประกันก็เลยคาดว่า เธอหายป่วยเป็นโรคซึมเศร้าแล้วจึงงดการจ่ายเงินประกันและสิทธิที่เธอควรจะได้รับขณะป่วย งานนี้ไม่รู้ว่านาตาลีจะป่วยเป็นโรคซึมเศร้าหนักกว่าเดิมอีกหรือเปล่า

 


เจ้าบ่าวอัพเดทหน้า Facebook ขณะกำลังทำพิธี
‘เจ้าบ่าวจะรับเจ้าสาวเป็นภรรยาตลอดชีวิตหรือไม่' ขณะที่บาทหลวงกำลังถามคำถามสำคัญที่สุดในชีวิตกับคนที่เป็นเจ้าบ่าวในงานแต่งงาน ขณะที่เจ้าบ่าวคือ นายดานา ฮันน่า นักพัฒนาซอฟต์แวร์ ได้ใช้มือถือของเขาพิมพ์อัพเดทสถานภาพของตัวเองบน Facebook และ Twitter อยู่อย่างขะมักเขม้น ข่าวไม่ได้บอกว่า งานนี้เจ้าสาวของเขามีปฏิกิริยาอย่างไร แต่ดูแล้วน่าจะเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการแต่งงานที่ค่อนข้างอึมครึมซะแล้ว

ภรรยาถูกสามีประกาศเลิกผ่านทาง Facebook
การบอกเลิกกันเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญเอาการสำหรับคู่สามีภรรยาที่อยู่กินกันมานาน แต่การบอกเลิกผ่านทางอินเตอร์เน็ตนั้นดูจะเป็นการกระทำที่เกินไปสักหน่อย เอ็มม่า แบรดดีย์ หญิงสาววัย 35 ปี ช็อก เมื่อเธอได้เห็นสามีโพสต์บนอินเตอร์เน็ตว่า ‘เนล แบรดลีย์ ได้จบชีวิตแต่งงานกับ เอ็มม่า แบรดลีย์ แล้ว' เอ็มม่าบอกว่า เธอไม่รู้จริงๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ จนกระทั่งเพื่อนซี้ของเธอที่อยู่ในเดนมาร์กโทรมาเช็กว่าเธอโอเคอยู่หรือเปล่า หลังจากเพื่อนของเธอเห็นโพสต์นี้ก่อนเธอ อดีตสามีตัวดีคือ เนล แบรดลีย์ที่ขณะนี้กำลังอาศัยอยู่กับแม่ของเขาได้โพสต์เพิ่มเติมว่า ‘ในที่สุดผมก็สิ้นสุดกับเธอซะที'


1 ในล้าน หนุ่มสาวชื่อ-นามสกุลเดียวกัน แต่งงานกันเพราะ Facebook
อะไรมันช่างบังเอิญอย่างนั้นสำหรับคู่รักคู่นี้ มันคงไม่ใช่เรื่องประหลาดสำหรับรักแรกพบบนออนไลน์ ถ้าพวกเขาไม่ได้มีชื่อและนามสกุลเหมือนกันเด๊ะ! ฝ่ายชายชื่อเคลลี่ ฮิลแบรนดท์ พบสาวสุดน่ารักจากฟลอริดาชื่อ เคลลี่ ฮิลแบรนดท์ และพวกเขาทั้งคู่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานด้วยกัน คู่รักบุพเพคู่นี้พบกันได้เมื่อเคลลี่ฝ่ายหญิง เกิดนึกสงสัยว่า จะมีใครชื่อเดียวกันกับเจ้าหล่อนบ้างบน Facebook ก็เลยเซิร์ชหาคนที่มีชื่อนี้ปรากฏว่า ชื่อของเคลลี่ฝ่ายชายก็ปรากฏขึ้นเป็นชื่อเดียว พร้อมรูปภาพที่ไม่ได้ใส่เสื้อของเคลลี่ชายที่โพสต์ไว้ เธอก็เลยคิด ‘โอ้ เขาน่ารักดีนะ' แล้วเธอก็เลยเกิดอยากจะเซย์ไฮนิยายรักออนไลน์ของหนุ่มสาวคู่นี้ก็เริ่มขึ้นอีก 8 เดือนต่อมาจนกระทั่งแฮปปี้เอ็นดิ่งในที่สุด

 


เด็กหญิงวัย 13 มีเซ็กซ์กับผู้ชายแปลกหน้าที่พบบน Facebook และซ่อนเขาไว้ในตู้เสื้อผ้า
เกิดอาการช็อกซีนีม่าขึ้น สำหรับคุณแม่ของเด็กสาววัย 13 เมื่อคนเป็นแม่เปิดประตูตู้เสื้อผ้าของลูกสาว แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ากลายเป็นเด็กผู้ชายอายุ 19 ซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้านั่นเอง ลูกสาววัยรุ่นยอมรับว่า เธอได้มีเซ็กซ์กับผู้ชายคนนี้หลังจากที่พบกับเขาบน Facebook และซ่อนเขาไว้ในตู้เสื้อผ้าเป็นเวลา 2 วัน คุณแม่ของเด็กสาวแจ้งความกับตำรวจทันที ผลก็คือ เฟสบุ๊ค โรมิโอ ก็ได้ถูกขังคุกโทษฐานกระทำชำเราผู้เยาว์นั่นเอง


พลังแห่ง Faithbook!
เดี๋ยวนี้ใครไม่ใช้บริการ Facebook ถือเป็นคนที่เชยสุดๆ ในสายตาของนักท่องเน็ตเพราะปัจจุบันทั้งกลุ่มบรรดาเพื่อนๆ และสมาชิกครอบครัวได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนสิ่งที่พวกเขาสนใจ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ วิดีโอ หรือเว็บไซต์ ผ่าน Facebook มากขึ้น  ขนาดที่ว่าหนังสือพิมพ์ซานฟรานซิสโก ครอนิเคิล รายงานว่า บริษัทคอนฟิท อิงค์ซึ่งเป็นบริษัทประเมินด้านเว็บไซต์ระบุว่า การใช้เข้าไปใช้บริการ Facebook กลายเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มีผู้ใช้ชั้นนำเหมือนเว็บท่าหลัก อย่าง Yahoo และ MSNมากทีเดียว ตัวเลขที่ทางคอมพีท อิงค์จัดเก็บเมื่อเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา พบว่า 15%ของการเข้าไปใช้บริการเว็บท่าสำคัญ เช่น Yahoo, MSN และ AOL มาจากผู้ใช้บริการเครือข่ายสังคม Facebook 13% อันดับสองคือ Ebay 7.61% อันดับสาม Google 7%และ My Space 2% นอกจากนี้ ตัวเลขจากผลสำรวจของ Pew Research Centerบ่งชี้ให้เห็นว่าความนิยมในบล็อกเริ่มลดลงในกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งหันมาใช้บริการเครือข่ายชุมชนออนไลน์ อย่างเฟซบุ๊คแทน จึงไม่น่าแปลกใจที่วัยรุ่นถึง 73% หรือ 1 ในทุก3 คน รวมทั้ง 72% ของคนวัยหนุ่มสาวใช้บริการของเครือข่ายชุมชนออนไลน์อย่างเฟซบุ๊คและมายสเปซ (MySpace) แต่เมื่อแก่ตัวลง อายุมากขึ้น คนเหล่านั้นมีแนวโน้มที่จะใช้บริการเครือข่ายชุมชนออนไลน์ลดลง โดยเมื่อปี 2009 ผู้ใหญ่วัย 30 ปีขึ้นไปจำนวน 40% ใช้บริการชุมชนออนไลน์กรณีศึกษา

พอลล่า ถูกหนึ่งในเพื่อนที่อยู่ในลิสตบ์ น Facebook ฉกรปู ทพี่ อลลา่ถ่ายไว้กับเพื่อนชายของเธอ และเธอนำมาโพสต์ไว้ในเน็ต จนกระทั่งเป็นข่าวดังครึกโครม พร้อมเสียงวิจารณ์ต่างๆ นานา พอลล่าบอกว่าจรงิ ๆ แล้วในเป็นรูปที่โพสไว้บนหน้า Facebook ของเธอที่มีเฉพาะคนที่เป็นเพื่อนที่อยู่ในลิสต์เท่านั้นที่จะเห็น ครั้งหน้าเธออาจต้องซีเรียสกับการจะ add ใครสักคนเป็นเพื่อนในลิสต์เธอมากขึ้นเสียแล้ว

ในต่างประเทศ มีเรื่องร้องเรียนจากบรรดาญาติของครอบครัวที่ถูกคนร้ายฆาตกรรมเรื่องมีอยู่ว่า เหล่าบรรดานักโทษที่ถูกคุมขังโทษฐานฆ่าคนตายนั้น ได้ใช้ Facebook เป็นเครื่องมือข่มขู่ญาติของผู้ตายเหล่านั้นว่า พวกเขากำลังรอที่จะพ้นโทษออกจากคุกและกลับไปแก้แค้นบรรดาญาติ ซึ่งทำให้บรรดาญาติของเหยื่อเกิดความหวาดกลัว จึงร้อวเรียนไปยังตำรวจและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องให้ประสานกับผู้บริหารของ Facebookในการถอดหน้า Facebook ของนักโทษเหล่านั้นออกจากระบบ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook