เมื่อนางแบบร่างอวบ เริ่มโดนเขม่น!

เมื่อนางแบบร่างอวบ เริ่มโดนเขม่น!

เมื่อนางแบบร่างอวบ เริ่มโดนเขม่น!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

ความสวยงามกับความเหมาะสมฟังดูยังไงก็กลมกลืนกันดี แต่เวลานี้หากถามถึงความเหมาะสมในวงการนางแบบอาจมีเดือด เพราะเสียงสะท้อนถึงรูปร่างที่ "คู่ควร" บนเวทีแคทวอล์ก กำลังแตกออกเป็นเสี่ยงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ปีที่ผ่านมา นิตยสารโว้ค ออกมาเป็นหัวแถวในการปฏิวัติทัศนคติคนทั่วไปที่มีต่อนางแบบที่คนมักจะคุ้นกับรูปร่างผอมแห้งติดกระดูก แก้มตอบซีดเซียวไร้ชีวิตชีวา ด้วยการผลักดันนางแบบที่มีรูปร่างสมส่วน เต็มไม้เต็มมือ เอิบอิ่มดูมีสุขภาพดี เลยไปถึงเจ้าเนื้อหนั่นแน่นไปเลยในบางครั้ง และผลตอบรับก็ดูมีแนวโน้มว่าจะค่อนไปทางบวกแบบสะสมในความรู้สึก สังเกตจากการขานรับนางแบบพลัสไซส์ไปเป็นปกนิตยสาร หรืองานถ่ายแบบอื่นๆ จากหลากหลายแบรนด์ที่เริ่มมีเข้ามา

ความฮือฮามาบังเกิดเมื่อนิตยสาร V ตีพิมพ์ฉบับพิเศษ The Size Issue ที่คัดนางแบบพลัสไซส์ระดับขึ้นชื่ออย่าง คริสตัล เรนน์ มาถ่ายแบบในเซ็ทเดียวกัน และสวมชุดแบบเดียวกันเป๊ะกับนางแบบหุ่นแห้งมาตรฐานแคทวอล์กทั่วไปอย่าง แจ็คเกอลีน จาบลอนสกี ผลก็คือภาพเซ็ตที่ว่าดังเปรี้ยงปร้างทันที และเสียงตอบรับของคนทั่วไปที่เห็นภาพก็ยอมรับว่า อคติที่มีต่อนางแบบร่างอวบนั้นคลายลงไปมาก แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธนางแบบหุ่นบางแบบเดิมๆ เสียทีเดียว โดยมองว่า มันไม่ต่างอะไรกับกลยุทธ์การขาย แบรนด์เสื้อผ้า แม็กกาซีน ก็ต้องหาจุดขายให้คนพูดถึงและเกิดภาพจำ แต่หากมีเจตนาดีและ "มีความจริงใจ" ที่จะกระตุ้นให้สาวๆ รูปร่างใหญ่มีกำลังใจในการแต่งตัวและการใช้ชีวิตปกติมากขึ้น ก็น่าจะดีไม่น้อย

ที่แน่ๆ นางแบบไซส์มาตรฐานคนทั่วไป (แต่ใหญ่เกินงามสำหรับวงการนางแบบ) อย่าง ลารา สโตน จากที่เคยถูกปฏิเสธงานมานับครั้งไม่ถ้วน แต่กระแสพลัสไซส์ที่เบ่งบาน ก็ทำให้นางแบบสาวชาวดัตช์วัย 26 ปีคนนี้ ได้เซ็นสัญญาถ่ายแบบปรากฏตัวกับแบรนด์ดัง และถูกจัดเข้าทำเนียบ 20 นางแบบที่เซ็กซี่ที่สุดในปี 2010 ไปเรียบร้อยแล้ว

ธรรมดามนุษย์หลายคนหลายความคิด ขณะที่ศักราชใหม่ในวงการนางแบบกำลังไปได้สวย จู่ๆ ก็มีคนลุกขึ้นมาค้านเสียงหลงว่า การยกหางนางแบบพลัสไซส์ กำลังทำลายวงการนางแบบ...ใครหนอช่างกล้าหาญประกาศกร้าวได้ขนาดนั้น

การานซ์ ดอเร (บนขวา) ช่างภาพผู้ออกมาค้านกระแสนางแบบหุ่นอวบ

การานซ์ ดอเร ช่างภาพแฟชั่นหญิงเป็นคนลุกขึ้นมาจุดประกายความคิดต่อต้านนางแบบพลัสไซส์ เหตุผลของเธอก็คือ นางแบบอวบเหล่านี้ไม่ได้แปลว่ามีเนื้อนมไข่เต็มมือแล้วจะสวยอย่างที่คนโตในวงการแฟชั่นปั่นกระแสหรอก แต่เป็นตัวอย่างของนางแบบที่ปล่อยตัวจนเผละ และเสื้อผ้าที่ดีไซเนอร์ออกแบบมาก็เพื่อให้เห็นแบบและทรงที่งดงาม ไม่ใช่ห่อข้าวหลามจนเอวปริ สะโพกล้น

อย่างไรก็ตาม การานซ์ออกแตัวแรงว่าเธอไม่ได้มีอคติกับสาวหุ่นอวบ เพราะเธอยกย่องและยอมรับความต่างของสตรีทุกคน แต่เธอเพียงต้องการกระทุ้งแรงๆ ถึงนักสร้างสรรค์ แฟชั่นกูรูทั้งหลายว่า อย่าเอาเรื่องน่าขันและชวนเสียขวัญแบบนี้มายกย่อง

ขณะเดียวกัน การานซ์ยังพาดพิงไปถึงแฟชั่นโชว์ของ มาร์ค ฟาสท์ ที่นำเสื้อผ้าสำหรับสาวร่างใหญ่มาโชว์ในลอนดอน แฟชั่น วีค เมื่อปีกลายว่า อย่าเอาศิลปะที่ซ่อนอยู่ในแฟชั่นมาปู้ยี่ปู้ยำหรือเพียงแต่ทำเพื่อสร้างกระแสโปรโมทแบรนด์ตัวเอง หากเจตนาของ มาร์ค ฟาสท์ คือทำลายกำแพงความเหลื่อมล้ำเรื่องรูปร่าง เธอบอกว่า "ถ้าทำได้อย่างนั้นมันก็ดี แต่สารภาพมาตามตรงเถอะว่า ยังไงๆ การแบ่งแยกเรื่องรูปร่างจะไม่มีวันหมดไปจากวงการแฟชั่นแน่นอน ระหว่างสาวอวบ กับสาวผอมบาง อย่างเถียงเลยดีกว่าว่าสุดท้ายคุณจะเลือกใครมาโชว์เสื้อผ้าของคุณ"

งานนี้ต้องบอกว่าเธอแรงได้ใจ แต่จะว่าไปเหตุผลของเธอก็มีน้ำหนักและ "จริง" ไม่น้อย เพราะทุกวันนี้ อัตราการจ้างนางแบบเอวบางมาตรฐานแคทวอล์กก็ยังสูงกว่า และแบรนด์เสื้อผ้าที่มีนับร้อยนับพันก็ล้วนออกแบบชุดในโชว์ของตัวเองสำหรับนางแบบร่างผอมบางเป็นหลัก เพราะกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหญ่ของพวกดีไซเนอร์เหล่านั้น ก็ไม่ใช่สาวพลัสไซส์มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

กระแสนางแบบร่างอวบจะจุดติดวูบเดียวแล้วดับ หรือจะค่อยๆ ส่องแสงจนสปอตไลท์ดวงเก่าแตกดับไปเอง....เท่านี้เราก็ได้คำตอบแล้วว่า เหตุผลของใครหนักแน่นกว่า และอย่างไหนจะมีความเป็นไปได้มากกว่ากัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook