เรื่องขนๆ เรื่อง (ไม่) ขำๆ

เรื่องขนๆ เรื่อง (ไม่) ขำๆ

เรื่องขนๆ เรื่อง (ไม่) ขำๆ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

by Daaw Chonlada

เรื่องขนๆ บางคนก็ว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่บางคนก็บอกว่าเป็นเรื่องขำๆ เท่านั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ยังไงก็เป็นเรื่องที่สาวๆ มองข้ามไม่ได้ เพราะผู้หญิงอย่างเราต้องอย่าหยุดสวย และไม่หยุดดูแลตัวเองนะคะ เริ่มกันจากขนบนใบหน้าก่อน หลายคนอาจจะงง


เอ๊ะ... เรามีขนที่ใบหน้ากันด้วยเหรอ?
สาวๆ คนไหนถ้าไม่มีก็สบายไปค่ะ แต่บรรดาสาวขนดกคงเข้าใจดี ว่าเจ้าขนบนใบหน้านี่นอกจะทำให้แต่งหน้ายาก เกลี่ยรองพื้นได้ไม่เรียบเนียบแล้วยังทำให้รูขุมขนกว้างมากขึ้น แถมเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียอีกด้วย สาวๆ ขนดกชีวิตเลยต้องผจญกับสิวและเป็นผิวแพ้ง่ายกันตลอดๆ

 

ถอนด้วยภูมิปัญญาจีน
วิธีการกำจัดเจ้าขนบนใบหน้านี่ก็มีลากหลายเสียเหลือเกิน เรามาเริ่มจากวิธีสวยแบบซูสีไทเฮา นั่นคือ "หมั่งหมิง" หรือการใช้เส้นด้ายดึงหนีบขนบนใบหน้าเราออกไป เป็นภูมิปัญญาจีนแท้ๆ ที่ทำให้สาวหมวยสวยใสได้ด้วยด้ายเพียงเส้นเดียว ได้ไปสัมภาษณ์พี่สาวผู้มีประสบการณ์ชีบอกว่าครั้งสองครั้งแรกนี่เจ็บกัน น้ำตาเล็ดเลยทีเดียว แต่ครั้งต่อๆ มาก็ดีขึ้นค่ะ หมั่งหมิงเป็นวิธีที่ตาดีได้ตาร้ายเสียหน่อยนะคะ


สาวๆ บางคนทำแล้วหน้าใส ก็ดีกันไป แต่บางคนทำแล้วแสบหน้า หน้าแดงแถมเป็นสิวอักเสบขึ้นซะงั้น ถ้าอยากลองก็ต้องเสี่ยงกันหน่อย วิธีนี้ทำได้ทั้งหญิงและชาย สาวๆ คนไหนใจกล้าพออยากลองดูก็เชิญได้ที่เยาวราชนะจ๊ะ เห็นอยู่หลายเจ้าทีเดียว

 

Wax กำจัดขนใบหน้า
ครีมที่ใช้สำหรับ Wax หน้า เป็นครีมที่ทำขึ้นมาเพื่อกำจัดขนบนใบหน้าได้อย่างอ่อนโยน แต่บางครั้งก็ยังมีสาวๆ แพ้กันอยู่ การใช้ครีมนี้ต้องทดสอบโดยการทาครีมที่บริเวณข้อพับแล้วทิ้งไว้ 12 ชั่วโมงก่อนนะคะ


สำหรับสาวๆ ที่มีขนไม่มากแนะนำเป็น Wax เย็นก็พอค่ะ เวลาทำแรกๆ จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดทรมานมาก Wax แบบเย็นจะแผ่นมาแล้ว มาถูให้ร้อน แล้วก็นาบไปตามแนวขน ถูๆ สักพักก็ค่อยดึง ให้ดึงย้อนขนขึ้นมานะคะ แว็กส์เสร็จแล้วอย่าลืมเช็ดด้วยผ้าออยล์ที่มีในกล่อง หรือหาออลย์อื่นมาเช็ดเพิ่มก็ได้ เช่น โจโจ้บาออยล์ จะได้ไม่อุดตันรูขุมขน เพราะถ้าเช็ดไม่หมด สิวจะถามหาแน่ๆ

 

อย่างนี้มันต้องถอน
ไม่ใช่เพลงลูกทุ่งค่ะสาวๆ แต่เป็นอีกวิธีในการกำจัดขนบนใบหน้า อาจจะซาดิสต์สักนิด แต่ก็เป็นอีกวิธีที่ทำให้ขนขึ้นใหม่ไม่หยาบหนา นั่นคือการถอนนั่นเองค่ะ แต่ไอ้การจะมาใช้แหนบถอนทีละไม่กี่เส้นมันก็ดูจะช้าเกิน และไม่ชิคพอค่ะ


เราก็มีนวัตกรรมใหม่เป็นการถอนขนโดยอุปกรณ์ที่คล้ายกับเหล็กสปริง (ตาม รูป) การใช้งานก็แสนง่าย แค่กลิ้งมันไปบนใบหน้า แต่ดูแล้วท่าจะเจ็บเอาการอยู่นะเนี่ย ลองดูรายละเอียดเจ้าตัวนี้ที่นี่นะคะ http://www.youtube.com/watch?v=VzOYqJuKTVI



Laser ... คำตอบ (เกือบ) สุดท้าย
ว่าด้วยเรื่องขนๆ การกำจัดให้สิ้นซากไม่ว่าจะส่วนไหนนี่ก็ต้องยอมเจ้าเลเซอร์นี่ล่ะค่ะ ได้ผลชัวร์ แต่แน่นอนว่าเจ็บและแพง!


เริ่มด้วยข้อมูลวิชาการเสียก่อน ว่า เลเซอร์ทุกชนิด เป็นการยิงพลังงานลงไปที่ผิวหนัง ในปัจจุบันมีการนำระบบทำความเย็นผิวมาใช้ ทำให้ผิวหนังไม่ลอก สามารถยิงแสงผ่านลงไปให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ โดยไม่มีแผล จึงไม่จำ เป็นต้องดูแลแผล หรือป้องกันแสงแดด ซึ่งมักจะทำให้ผิวหนังมีรอยดำหลังการรักษาแบบลอกผิว แต่ก็ไม่ควรไปโดนแดดจัดมาก ควรใช้ครีมกันแดด และเลี่ยงแสงแดดร่วมด้วยเสมอ


ไม่ว่าจะเป็นเลเซอร์ชนิดไหน แต่เลเซอร์นั้นจะได้ผลกับคนที่มีเส้นขนหนา ดกดำ จะใช้เลเซอร์กำจัดขนได้ผลดีกว่าคนที่มีขนเส้นบางสีอ่อน เพราะเลเซอร์จะเข้าไปจับเม็ดสีใต้ผิวหนังและทำปฎิกิริยาได้มากกว่า นอกจากนี้เลเซอร์ยังมีข้อดีคือ เข้าไปกระตุ้นคอลลาเจน ลดเม็ดสี ช่วยให้ผิวดูเนียนขึ้นด้วยถ้าทำต่อเนื่อง 3 -5 ครั้ง


แต่ราคาที่ทำเลเซอร์นั้นก็ทำเอาให้กระเป๋าแบนไปตามๆ กัน ที่สำคัญคือต้องทำอย่างต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้นเมื่อเส้นขนขึ้นมาใหม่ก็ต้องเหมือนกับเริ่มต้นใหม่

 

คลื่นวิทยุก็กำจัดขนได้นะเธอ
สืบเนื่องจาเลเซอร์ นั้นเหมาะกับคนที่มีขนหนา ดกดำ แล้วสาวๆ ที่มีขนขึ้นบ้างถึงไม่หนามาก แต่ก็ยังเป็นปัญหาชีวิต สาวๆ ที่เลเซอร์แล้วไม่ได้ผล ควรใช้ เครื่องคลื่นวิทยุไฟฟ้า Electrolysis ซึ่งถึงแม้จะเป็นเครื่องมือที่มีมานานแล้ว แต่สามารถทำให้รากขนฝ่อถาวร ไม่กลับมาขึ้นใหม่อีกเลย


หลังทำผิวจะค่อยๆ เรียบเนียนขึ้นได้เองในระดับหนึ่ง แต่อาจไม่เท่ากับการใช้เลเซอร์ ส่วนราคาก็แพงกว่าการทำด้วยเลเซอร์ 2 - 3 เท่า และใช้ระยะเวลาในการทำต่อครั้งนานกว่าเช่นกัน


โอ้โห... นี่แค่เรื่องขนๆ บนใบหน้าก็มากมายขนาดนี้แล้ว สำหรับขนส่วนอื่นๆ สาวๆ รออ่านในตอนต่อไปนะคะ ฝากไว้สักนิดสำหรับการกำจัดขนบนใบหน้าว่าถ้าไม่กล้าทำเอง ก็อย่าลืมเลือกสถานบริการที่สะอาดและไม่แพงจนเกินไป เพราะหน้าเรามีหน้าเดียว เสียโฉมไปเดี๋ยวจะเข้าทำนอง "เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย" นะคะสาวๆ


 

ขอบคุณข้อมูล : http://www.chicministry.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook