#VogueSpecial ปากจัด หน้าจิก แต่สองขายืนหยัดในการเป็นคนทำสื่อน้ำดี 'โอปอล์ ปาณิสรา อารยะสกุล'

#VogueSpecial ปากจัด หน้าจิก แต่สองขายืนหยัดในการเป็นคนทำสื่อน้ำดี 'โอปอล์ ปาณิสรา อารยะสกุล'

#VogueSpecial ปากจัด หน้าจิก แต่สองขายืนหยัดในการเป็นคนทำสื่อน้ำดี 'โอปอล์ ปาณิสรา อารยะสกุล'
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปฏิเสธไม่ได้ว่าในยุคที่สังคมเคลื่อนตัวไวอย่างในปัจจุบัน สื่อที่ฮอตที่สุดในวินาทีนี้ก็คือเหล่าโซเชียลมีเดียที่มีผู้คนเข้าถึงแทบทั่วทั้งโลก จนแม้แต่รายการบันเทิงวาไรตี้ต่างๆ ที่เคยอยู่บนแพลตฟอร์มโทรทัศน์ก็ต้องร่วมวงกระโดดเข้ามาเล่นบนสื่อออนไลน์กับเค้าด้วย โดยเฉพาะในไทยก็มีเหล่าพิธีกรที่เราคุ้นหน้าคุ้นเสียงตามทีวีและวิทยุก็เริ่มปรากฎตัวให้เห็นถี่ขึ้นบนรายการออนไลน์ต่างๆ และนี่คือรายการที่เรามั่นใจว่าคุณต้องเคยดู: Opal All Around, ตือสนิท, Loukgolf's English Room, นอนบ้านเพื่อน, The Sun Hunter และJailbreak สำหรับเดือนตุลาคมแบบนี้โว้กอาสาถอดรหัสความสำเร็จบนโลกออนไลน์ผ่านพิธีกรตัวจี๊ดคาแร็กเตอร์จัดทั้ง 6 ท่าน เริ่มต้นที่ โอปอล์ ปาณิสรา อารยะสกุล คุณแม่ลูกแฝดแห่ง Opal All Around

“เราทำในสิ่งที่ไม่มีคนจ้างให้เราทำรายการที่ไม่ต้องมีเรื่องกอสสิปเมาท์ด่ากันซึ่งไม่มีประโยชน์ใดๆ การพูดสนุกปากทำลายชีวิตคนได้จริงๆ เขาบอกว่าคนดูชอบ แต่เราไม่เชื่อ ดีเหลือเกินที่เราไม่เคยทำแบบนั้น” ปากจัด หน้าจิก แต่สองขายืนหยัดในการเป็นคนทำสื่อน้ำดีคือจุดยืนของ โอปอล์ ปาณิสรา อารยะสกุล

 

รายการอะไรไม่เมาท์ ไม่ด่า ไม่กอสสิปแล้วมีคนดู?
“รายการ Dr.Smith พูดเรื่องสุขภาพให้เข้าใจง่าย OMG พาคนดูไปรู้จักกับคนอาชีพต่างๆ ที่ไม่ได้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดLoukgolf’s English Room เอาศิลปินดาราที่บางคนไม่ได้เรียนอินเตอร์หรือจบนอกมาพูดอังกฤษผิดบ้างถูกบ้างเพื่อให้คนไทยกล้าพูดและเลิกดูถูกกันเอง ล่าสุดทำ Opal All Around เรื่องราวของเพื่อนและคนที่ปอล์รักซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้คนดูได้ อย่างเติ้ล (ปิยะชาติ ทองอ่วม) เพื่อนเราที่เป็นผู้กำกับซีรี่ส์ ไดอารี่ตุ๊ดซี่ส์ กว่าจะเขียนบทเสร็จ เงินก็ไม่เคยได้ ต้องอยู่ในห้องที่ไม่เปิดแอร์ ฉี่สี่ครั้งค่อยชักโครก อดทนเพื่อที่วันหนึ่งฉันจะเป็นผู้กำกับ เรามีเพื่อนแบบนี้เยอะมาก หรือแม้กระทั่งซันนี่ก็เป็นเพื่อนที่ฝ่าฟันมาด้วยกันและไม่มีใครเกิดมารวย พอทำออกมาใน LINE TV ได้ 5-6 ล้านวิว เป็นการพิสูจน์ว่ารายการออนไลน์ไม่จำเป็นต้องดูเพลินอย่างเดียว คนดูไม่โง่หรอก ดูแล้วต้องมีอะไรหลงเหลือในความรู้สึกบ้าง"
 
ปณิธานคือจะไม่ผลิตมลพิษแก่สังคมอีก
"ตั้งแต่เข้าวงการใหม่ๆ เราโดนโจทย์ให้ไปจัดรายการวิทยุแนว “เล่าข่าว” ซึ่งก็คือเมาท์กอสสิปคนในวงการบันเทิง แต่หลายคนคือเพื่อนเรา จำเป็นต้องพูดเรื่องที่ทำให้เขาเป็นทุกข์หรือทำลายชีวิตเขาเลยก็ได้หรือ เราบอกผู้ใหญ่ว่าเราไม่ถนัด แต่ละคนมีจุดยืน ซึ่งเรามีจุดยืนตั้งแต่เป็นคนตัวเล็กตัวน้อยในวงการว่าถ้าจะให้ด่าคนอื่น เราไม่สะดวก ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเราโดนคนด่าเยอะและต้องพิสูจน์ตัวเองหนัก เราไม่ได้มีต้นทุนเลย สวยก็ไม่สวย บ้านก็ไม่รวย แล้วดันมีจุดยืนว่าจะไม่ด่าใคร ไม่พูดคำหยาบ ไม่ดูถูกคน ไม่ตลกกับการล้อปม สังขารของใคร ซึ่งใช้เวลาเป็นสิบปีกว่าคนจะเข้าใจและยอมรับ แต่เราเชื่อเรื่องการเป็นตัวจริงของอะไรสักอย่างมาตลอด ไม่เชื่อว่าก๊อบปี้เวอร์ชั่นจะอยู่ได้นาน คนดูจะรู้ว่าคุณไม่ใช่ คุณพยายาม คนยุคนี้เป็นฝ่ายเลือกสื่อนะ เขาอยากดูคอนเทนต์แบบไหน จากสื่อไหน เมื่อไรก็ได้ดังนั้นอะไรที่ไม่ใช่ของจริงก็จะอยู่ไม่ได้จริงเช่นกัน



ในบรรดาคนทำสื่อทั้งหก คุณอยู่มานานสุด เห็นการเปลี่ยนผ่านอะไรบ้าง?
"ตอนเรานอนนิ่งๆ ที่โรงพยาบาลอยู่นานสองเดือน สิ่งที่เราดูคือคลิป เทยเที่ยวไทย แต่ดูทั้งรายการไม่ไหว แค่ 8-10 นาทีก็เยอะแล้ว จ้องโทรศัพท์ก็ตาเหล่เหมือนกันนะเธอ พฤติกรรมคนเสพออนไลน์ต้องสั้น กระชับสมัยก่อนรายการทีวีต้องอัดล่วงหน้า 2-3 เดือน อะไรเอ่ยไม่อัพเดต แล้วคิดว่าโลกออนไลน์จะอยู่ได้อีกกี่ปีหรือป่านนั้นจะมีอะไรมาแทนที่อีกก็ไม่รู้ อย่าเป็นคนที่แก่แล้วโทษทุกอย่างที่ตามหลังมาว่ามันไม่ดี โลกจะเปลี่ยนไปเยอะ เราต้องสนุกกับมันให้ได้ เราไม่อยากตกโลก ไม่ใช่ทันเพื่อเป็นคนทันสมัยนะ แต่เราจะต้องเข้าใจโลกที่ลูกเรากำลังจะเติบโตขึ้นมาให้ได้"
 
พบความสุขง่ายๆ กับการเป็นคุณแม่แล้ว จะมาเป็นคนทำสื่อวิ่งตามโลกดิจิทัลให้เหนื่อยทำไม?
"อะไรคือคำว่าเหนื่อย เรากินข้าวแล้วเหนื่อยเหรอ นอนอยู่บ้านหายใจทิ้งสิเรารู้สึกเหนื่อย เราถ่ายรายการพาเต๋อ (ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) ไปเล่นบาสแล้วไปใช้ไลฟ์-สไตล์ต่ำตมแบบที่เคยทำกัน มีคลิปฝรั่งด่าทุเรียนไทย เราทำคลิปเอาฝรั่งมาสอนแกะทุเรียนเลย มันสนุกไปหมด เรามีความสุขในเวย์ของเรา ไม่ได้อยากเป็นพิธีกรเดี่ยว ไม่ได้อยากทำรายการใหญ่ และไม่ได้อยากเปลี่ยนโลก เราเกลียดคนที่ชอบโทษอย่างอื่นยกเว้นตัวเองอย่างมาก เราเปลี่ยนตัวเองได้ก็สบายใจแล้ว เช่น เราไม่ด่าใคร ใครจะด่าเราเราก็ไม่แคร์ เป็นต้น เป็นคำถามปัญญาชนนะว่าอยากเปลี่ยนโลกไหม ซึ่งต้องย้อนกลับไปถามด้วยว่าทำได้ไหม สังคมคืออะไร โลกคืออะไร เริ่มจากให้สติตัวเองกับคนรอบตัวก่อน เวลาเพื่อนดีดไลน์มาถามว่า รู้เรื่องนี้หรือยัง คนนี้เลิกกับคนนั้นจริงไหม ต้องให้สติกันว่าอย่ามีความสุขบนความทุกข์ของใคร เราว่านี่แหละคือโลก คือสังคมของคุณที่คุณเปลี่ยนแปลงได้"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook