ปัณฑิตา ภูวิจารย์ เคาวเวลล์ กับบทบาทของหัวหน้าครอบครัว

ปัณฑิตา ภูวิจารย์ เคาวเวลล์ กับบทบาทของหัวหน้าครอบครัว

ปัณฑิตา ภูวิจารย์ เคาวเวลล์ กับบทบาทของหัวหน้าครอบครัว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เป็นนางเอกของช่อง 7 สีที่ไม่ได้โด่งดังเปรี้ยงปร้าง แต่ "แซมมี่" ปัณฑิตา ภูวิจารย์ เคาวเวลล์ ก็มีงานแสดงอย่างต่อเนื่อง และก็มีควบทีเดียว 2-3 เรื่อง แถมยังโชคดีที่บทบาทการแสดงก็หลากหลายได้เปลี่ยนไปเรื่อยๆ อย่างบทสาวเซ็กซี่ในละครเรื่อง "ลุย" หรือจะเป็นบทสาวเรียบร้อยในละคร "ฟ้าจรดทราย" ส่วนเรื่อง "บันไดดอกรัก" รับบทเป็นสาวทอมบอย 3 เรื่อง 3 คาแรกเตอร์แตกต่างกันไป แต่ที่ดูท้าทายและหนักหนาสาหัสสำหรับแซมมี่คงเป็นบทสาวทอมบอยใน "บันไดดอกรัก" ที่เป็นการพลิกบทบาทครั้งสำคัญของแซมมี่

 

"เรื่องนี้ถือว่าพลิกคาแรกเตอร์มากเลย จนหลายคนบอกว่าจะเล่นได้เหรอเพราะเราไม่เคยเล่นมาก่อน ตอนแรกๆ จะรู้สึกว่าเล่นยากมากกับท่าทางเป็นทอมบอย ไหนจะเรื่องน้ำเสียงอีก มันต้องปรับหลายอย่าง แต่พอค่อยๆ ถ่ายไปเรื่อยๆ ก็เริ่มจับทางถูก แต่ตอนแรกยอมรับว่าเครียดมาก กับบทสาวทอมบอยห้าวๆ ซึ่งอาจจะดูเหมือนง่ายแต่มันยากมากสำหรับหนู เพราะไม่เคยเล่นมาก่อน แต่การที่เราได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ก็สนุกดี ตอนนี้ก็เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว และที่ชอบคือบทนี้การแต่งตัวก็ง่ายๆ กางเกงยีนส์เสื้อเชิ้ตรองเท้าผ้าใบ หน้าก็ไม่ต้องแต่งทาแค่รองพื้นอย่างเดียว"

แต่ในกองฯ "บันไดดอกรัก" มีข่าวเม้าท์ว่าแซมมี่กับ มิน พีชญา เกาเหลากัน เพราะมินได้รับบทเด่นกว่า
"ไม่ใช่เลย เพราะบทของเรากับของพี่มินค่อนข้างแตกต่างกัน เอามาเทียบกันไม่ได้ว่าใครเด่นกว่าใคร ก็เลยขำๆ มากกว่า กับพี่มินเราก็เคยเล่นละครด้วยกันมาก่อนจากเรื่อง "สวรรค์สร้าง" และมาเรื่องนี้ได้เล่นเป็นเพื่อนสนิทกัน หนูว่าข่าวมักจะมาช่วงที่ละครใกล้ออกอากาศ หนูว่ามันเป็นแค่กระแสมากกว่า ตัวหนูไม่ซีเรียสเลย เฉยๆ"

ความหลากหลายของบทบาทช่วยให้เกิดการพัฒนา
"โชคดีที่หนูได้รับบทบาทที่หลากหลายเพราะการเป็นนักแสดงต้องเล่นได้ทุกบท ถ้าได้เล่นแต่บทซ้ำๆ คนดูก็จะเห็นแค่นั้นและรู้จักเราแค่นั้นเราเล่นได้แค่นี้เองหรือ แต่นี่เราได้เล่นบทหลากหลายได้เล่นเป็นทอมบอยได้เล่นร้ายเซ็กซี่เรียบร้อยคนจะได้เห็นเราหลายๆมุม และการที่เราได้เล่นอะไรที่หลากหลายทำให้เราได้พัฒนาฝีมือด้วย เมื่อก่อนเราอาจจะไม่ได้เรียนแอ็กติ้งการแสดงแต่ตอนนี้เรียนแอ็กติ้งแล้ว พอเจอใครก็บอกว่าเราเล่นดีขึ้นเยอะเลย"

รักษาระดับมาตรฐานของงานเอาไว้
"ก็ต้องพยายามรักษาระดับเอาไว้ไม่ให้มันตกแต่ให้มันขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะสมัยนี้เด็กโตเร็วมาก คนสวยๆ หล่อๆ ก็อยากเป็นดารา เราก็ต้องมีการดูแลตัวเองด้วย ทั้งเรื่องรูปร่างหน้าตาจากเมื่อก่อนไม่เคยดูแลใส่ใจเลย แต่ตอนหลังหน้าเริ่มเยินแล้วเริ่มมีริ้วรอยเราก็ต้องดูแลตัวเองและล้างหน้าให้สะอาด มีไปขัดตัวบ้าง และไปออกกำลังกายด้วย เราต้องพยายามดูแลไม่ให้ตัวเองตก โอเค.อาจจะไม่ได้ก้าวเร็วมากแต่ให้มันก้าวไปพัฒนาไปเรื่อยๆแต่เราก็ไม่ได้คิดจะไปแข่งขันชิงดีชิงเด่นกับใครหรือสกัดดาวรุ่งใคร มันก็ขึ้นอยู่กับดวงด้วย ก็แล้วแต่ดวงคน หนูก็อยู่ของหนูแบบนี้ จะดังหรือไม่ดังเราไม่ซีเรียส ขอให้เรามีงานต่อเนื่องเรื่อยๆ ก็โอเค.เพราะเรามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ"

บทบาทหัวหน้าครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบ
"คือคุณพ่อเกษียณแล้ว แม่ก็มาดูแลหนูอย่างเดียว เพราะฉะนั้นค่าผ่อนบ้านผ่อนรถและค่าใช้จ่ายภายในบ้านหนูก็ต้องรับผิดชอบแต่บางทีก็มีพี่สาวมาช่วยบ้าง แต่บางทีก็มีการหมุนเงินบริหารเงิน มีขาดบ้างเกินบ้าง ถึงหนูจะมีละครต่อเนื่องก็จริงแต่ถ้าละครไม่ได้ออกอากาศก็ต้องรอเงิน ส่วนงานอีเวนต์ก็มีเป็นช่วงๆ ไม่ได้มีทุกวัน แล้วค่าผ่อนรถผ่อนบ้านเดือนหนึ่งก็หลายหมื่นเหมือนกัน ไหนจะค่าใช้จ่ายในบ้านอีกล่ะ แม่จะบอกเราเสมอว่าต้องดูแลตัวเองถ้าเราเป็นอะไรไปที่บ้านจะแย่ไปเลย"

อายุแค่ 19 ปี แต่ต้องรับภาระเรื่องบ้านและรถ คิดว่ามันหนักไปไหม
"หนูไม่ได้คิดว่ามันเป็นภาระนะแต่คิดว่าเป็นหน้าที่เพราะเราเลี้ยงตัวเองด้วยและเลี้ยงพ่อแม่ด้วยซึ่งมันต้องเป็นอย่างนั้น มันเป็นหน้าที่ที่เราต้องทำอยู่แล้ว แล้วหนูโชคดีด้วยที่ทำงานตรงนี้ไม่ได้ทำงานรับจ้าง มันก็เลยโอเค.แฮปปี้ที่เราทำงานตรงนี้ไม่ได้เป็นอะไรที่บังคับให้เราต้องทำแต่เราทำเพราะชอบด้วย ส่วนใหญ่ได้เงินมาแม่เป็นคนเก็บเป็นคนบริหารเงินในเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ

แต่แม่ก็จะมีเก็บเงินให้หนูด้วยเพราะหนูเก็บเงินเองไม่อยู่ต้องให้แม่เก็บให้ เวลาจะใช้หนูก็มาขอแม่ หรือถ้าเราอยากได้รถอย่างรถที่ใช้ทุกวันนี้เราก็ต้องทำใจยอมรับว่าเราต้องมีภาระเพิ่มอีก หรือบางทีแม่ก็รู้ว่าเราวัยนี้ต้องมีออกไปเที่ยวออกไปกับเพื่อนบ้างแม่ก็ไม่ได้ห้ามอะไร แม่บอกว่าไปได้แต่ห้ามเสียงานเท่านั้นเอง"

มีแอบน้อยใจบ้างมั้ยถ้าเปรียบเทียบกับคนในวัยเดียวกันที่ไม่ต้องทำงานหรือต้องรับผิดชอบแบบเรา
"แรกๆ มีคิดบ้างทำไมเพื่อนไปเที่ยวหมดแต่เราไม่ได้ไป เหมือนความคิดเด็กๆ แต่พอโตขึ้นเราทำงานเรารับผิดชอบอะไรมากขี้นความคิดเราก็จะโตขึ้นกว่าคนรุ่นเดียวกัน เราก็จะไม่คิดอย่างนั้นแต่เราจะเอาไปเปรียบเทียบกับคนอื่นทำไมเขาทำงานหนักกว่าเรา ทำไมเขาเรียนได้ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร"

เวลาไปไหนแซมมี่จะต้องมีแม่ไปด้วยตลอด
"แต่บางทีถ้าไม่จำเป็นจริงๆ แม่ก็จะไม่ไปด้วยหรือถ้าแม่ไว้ใจก็จะปล่อยให้ไปเอง อย่างกองของ โพลีพลัส เราก็ถ่ายละครมา 3 ปีแล้ว ก็อยู่ที่โพลีพลัสไม่ได้ออกไปไหน บางทีแม่ก็ไม่ได้ไปด้วย แล้วเวลาที่แม่มากองถ่ายแม่บอกคือเวลาที่แม่พักผ่อน ถ้าแม่อยู่บ้านแม่ก็จะทำโน่นทำนี่ แต่เมื่อก่อนเราไม่ค่อยอยากให้แม่มาด้วย เพราะเห็นคนอื่นมาเองได้โดยที่แม่เขาไม่เห็นต้องมาด้วยเลย ทำไมเราถึงมาเองไม่ได้ รู้สึกอยากโตเพราะเวลาที่แม่มาด้วยเหมือนเรายังเป็นเด็กอยู่ แต่เราอยากทำอะไรด้วยตัวเอง แต่พอโตขึ้นเราก็ไม่ได้อะไรแล้ว เพราะแม่เริ่มปล่อยเราก็เฉยๆ และตอนนี้อยากให้แม่ไปไหนด้วยเพราะเราไม่ต้องทำอะไร แม่จะคอยหาของมาให้กินหรือออกไปซื้อของให้เรากิน แถมไม่ต้องขับรถเองด้วยสบายดีออก"

แม่ตีกรอบมากไหมโดยเฉพาะเรื่องความรัก
"ไม่เชิงตีกรอบแต่แม่จะบอกเสมอว่าเรื่องงานต้องมาก่อนและอย่าให้เสียงาน แต่บางทีเราอยากไปเที่ยว แม่ก็บอกให้ไปได้แต่ต้องออกกำลังกาย คือต้องมีข้อแลกเปลี่ยน เพราะเราขี้เกียจออกกำลังกายมาก แม่ก็เลยต้องบังคับ ซึ่งมันก็ดีเพราะทำแล้วตัวเราได้เอง ส่วนความรักแม่ไม่เชิงห้ามแต่จะคอยบอกคอยเตือนตลอดว่าให้ดูดีๆ แต่เรามีอะไรก็บอกแม่อยู่แล้ว"

แล้วที่มีข่าวกับ "สน" ยุกต์ ส่งไพศาล
"ที่เขาใหญ่ตอนไปดูคอนเสิร์ต ซึ่งในงานเสียงจะดังมาก เวลาคุยกันก็เลยต้องคุยใกล้ๆ แต่บังเอิญหนูดันไปคุยกับสนไง มันก็เลย เอ๊ะยังไง อะไรกันหรือเปล่า แต่หนูก็ไม่ได้ซีเรียสเพราะกับสนรู้จักกันมานานแล้วตั้งแต่สมัยเดินแบบก่อนเล่นละครอีก แต่ไม่มีอะไรเป็นเพื่อนกันจริงๆ ค่ะ คอนเฟิร์มได้เลยว่าเป็นเพื่อนดีที่สุดแล้ว เพราะเขาก็ไม่ได้มาจีบเราแล้วเราก็ไม่ได้ชอบเขาแต่เราคุยกันฟีลแบบเพื่อนมากกว่า คอนเฟิร์มได้เลยว่าตอนนี้เป็นโสดค่ะ เพราะเรายังรู้สึกเฉยๆ กับเรื่องนี้ ไม่ได้ซีเรียสอยากมีแฟน โอเค.คุยได้แต่เป็นแค่เพื่อนนะ"

ช่วงซัมเมอร์ใกล้เข้ามาแล้วมีหนังสือติดต่อถ่ายภาพเซ็กซี่บ้างหรือยัง
"ยังไม่มีเลยค่ะ เคยมีแต่ถ่ายภาพเซ็กซี่นิดหน่อยถือเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าเป็นชุดว่ายน้ำยังไม่มีเลย มันอาจจะยังไม่ถึงเวลาด้วยเพราะด้วยหุ่นของเรายังไม่คงที่มันยังโตไม่เต็มที่ ยังไม่มีอะไรไปโชว์ แต่ถ้าหุ่นเราโอเค.เมื่อไหร่อาจจะถ่ายก็ได้ อายุสัก 25 ขึ้นไป เพราะเราก็อยากมีรูปสวยๆ เก็บเอาไว้ เกิดแก่ไปเอามาดูคงดีนะ"

เริ่มคิดอยากทำธุรกิจรองรับงานแสดง
"เราก็รู้ว่างานตรงนี้ก็ไม่แน่นอน เราก็พยายามทำงานให้ได้มากที่สุดหาเงินทุนเพื่อไปทำธุรกิจ ก็มีคุยกับพี่สาวอยากทำร้านอะไรสักร้านเพราะตอนนี้เขาก็เริ่มทำพวกธุรกิจเกี่ยวกับฝาไอศกรีมขายส่งออก หนูก็มีไปลงหุ้นกับเขาด้วย ถ้ามีโอกาสมีทุนอาจจะเปิดร้านกาแฟ คือพี่สาวเป็นคนชอบหมาด้วย อาจจะเป็นร้านตัดขนหมาแต่มีกาแฟขายด้วยประมาณนี้ หรือไม่อาจจะเปิดร้านเบเกอรี่เพราะพี่สาวไปเรียนทำไอศกรีมทำขนมมา หนูก็อาจจะไปขอแจมกับพี่สาวด้วย เพราะเป็นคนชอบกินเค้กและชอบทำด้วย นี่กะว่าถ้ามีเวลาอยากจะไปเรียนทำเบเกอรี่ด้วย"

 

 

 

 

กลับหน้าแรกผู้หญิง ดูอะไรหญิงๆ มากกว่านี้..

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ ของ ปัณฑิตา ภูวิจารย์ เคาวเวลล์ กับบทบาทของหัวหน้าครอบครัว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook