ดีเจที่อายุมากที่สุดในเอเชีย! กับมุมมองชีวิตอย่าง DJ SumiRock

ดีเจที่อายุมากที่สุดในเอเชีย! กับมุมมองชีวิตอย่าง DJ SumiRock

ดีเจที่อายุมากที่สุดในเอเชีย! กับมุมมองชีวิตอย่าง DJ SumiRock
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลายวันก่อนแฟนๆ anngleth คงได้เห็นคลิป ดีเจรุ่นเดอะ ทางSocial Media กันไปบ้างแล้วใช่ไหมละคะ คุณย่ารุ่นเก๋า ที่อายุ 82 ปี ที่หัวใจไม่ยอมแก่ กลางวันเข้าครัวทำเกี๊ยวซ่า กลางคืนแปลงร่างเป็นดีเจ สแครชแผ่นท่ามกลางวัยรุ่น SUMIROCK ดีเจรุ่นคุณย่าสุดเท่ห์… นั่นเอง!!!

เชื่อว่าหลายคนคงประทับใจในความตั้งใจ ที่ไม่ยอมแพ้อายุของ DJ Sumi Rock ท่านนี้ ใครจะคิดว่า ทายาทร้านเกี๊ยวซ่าเก่าแก่ที่ดำเนินกิจการมาแล้วกว่า 60 ปี จะไฟแรงลุกโชนยิ่งกว่าหนุ่มสาวแรกรุ่น กระโดดเข้าสู่วงการดีเจและสร้างความสุขให้กับผู้ชมในยามค่ำคืน

คุณย่าซุมิโกะ อิวามุโระ (Sumiko Iwamuro : 岩室純子) เกิดเมื่อปี ค.ศ.1935 เป็นหญิงสาวที่ผ่านช่วงสงครามในวัยเด็ก และมีชีวิตเป็นสาวออฟฟิตควบคู่กับการทำกิจการของที่บ้านเธอจนกระทั่งกลายเป็นทายาทรับช่วงต่อกิจการเกี๊ยวซ่ากับพี่ชาย ใครจะคิดว่า วัย 77 ปี เธอจะเริ่มออกเดินตามความฝันอีกครั้งหนึ่งด้วยการเข้าเรียนที่โรงเรียน IDPS (international dj production school) จนกลายเป็น DJ Sumi Rock ดีเจอายุมากที่สุดในเอเชีย!!! 

มาดูบทสัมภาษณ์กันดีกว่า ว่าแนวคิดอะไรทำให้ เธอ เจ๋ง! ได้ ขนาดนี้ !

ไม่จำเป็นต้อง “แต่งงาน” แต่การมี “คนรัก” เป็นสิ่งที่ดีกว่านะ!
แต่ไหนแต่ไร ฉันไม่ค่อยจะใส่ใจเรื่องอายุสักเท่าไหร่หรอก ฉันเองก็มีเพื่อนรอบข้างที่อายุน้อยกว่าตั้งมากมาย เพื่อนที่อายุน้อยที่สุดก็ อายุ 20 ปี ไงล่ะ เพื่อนๆก็จะเรียกฉันว่า ซุมิโกะด้วยนะ ส่วนเรื่องที่ทุกคนพูดถึงกันว่า ฉันเป็นดีเจที่อายุ 82 ปี ฉันเองไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่พิเศษ ก็แค่ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบเท่านั้น เพราะว่าอยากทำ จึงทำ! เมื่อคิดแบบนั้น ก็เลยใช้ชีวิตจนมาถึงทุกวันนี้

ฉันได้ฟังเพลงแจ๊สมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ เพราะพ่อของฉันเคยเป็นมือกลองของวงดนตรีแจ๊ส ฉันเลยชอบดนตรีตั้งแต่สมัยก่อน แต่ไม่เกี่ยวกับพวกเพลงเอ็งกะ หรือ เพลงป๊อบสมัยนิยมหรอกนะ ^0^

ซึ่งถ้ามองย้อนไปตั้งแต่ใช้ชีวิตมาจนตอนนี้ แต่ก่อนเองฉันก็ไม่เคยมีความคิดว่า อยากจะทำอาชีพเกี่ยวกับดนตรีเลยสักครั้งเดียว ซึ่งในช่วงสงครามเส้นทางสายดนตรีของพ่อฉันก็เต็มไปด้วยความยากลำบาก ดังนั้นพ่อเลยไม่มีความคิดที่อยากจะให้ลูกๆทำงานสายนี้เลยเด็ดขาด ฉันถูกเลี้ยงดูให้เตรียมพร้อมที่จะเป็นเจ้าสาวหลังจากเรียนจบมัธยมปลาย ให้อยู่ที่บ้านเกิดรีบแต่งงานเร็วๆโดยที่ไม่ต้องทำงานอะไร

 

แต่หลังจากที่สงครามจบลงตอนอายุราวสิบกว่าๆ ฉันได้ทำความฝันของฉันสำเร็จ 1 อย่าง นั่นก็คือการได้เข้าทำงานเป็นสาวอ๊อฟฟิตที่ต้องทำงานกับคนต่างประเทศ ตอนนั้นฉันก็ได้เรียนรู้การสนทนาภาษาอังกฤษ และยังได้ฝึกพิมพ์ดีดอีกด้วย ทำให้ฉันได้เข้าทำงานในบริษัทการค้าของคนรู้จักนั่นเอง แต่ช่วงนั้นพ่อฉันก็เริ่มมาเปิดร้านเกี๋ยวซ่าโซมุโระ (餃子荘ムロ) พอดิบพอดี แถมคนช่วยงานก็มีไม่พอ กลางวันก็เลยทำงานที่บริษัท กลางคืนก็กลับมาช่วยงานที่ร้าน

แม่ชอบพูดอยู่เสมอๆว่า ให้รีบแต่งงานในขณะที่มีเรื่องดีๆแบบนี้ แต่ตอนนั้นฉันเองก็ตัดสินใจว่าเรื่องแต่งงานเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น! ในนวนิยายของ อิชิคาวะ ทัตสึโซ (石川達三) เรื่อง ยงจูฮัตไซ โนะ เทโค (四十八歳の抵抗) ได้กล่าวไว้ว่า การแต่งงานก็เหมือนกับสาวใช้ที่ต้องคอยปรนนิบัติเรื่องทางเพศไปด้วยกันนั่นล่ะ ในตอนนั้นก็เลยมีความคิดต่อต้านอย่างสุดโต่งต่อเรื่องนี้เลยล่ะ
แต่เรื่องของความรักนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญนะ หากปล่อยให้อายุกัดกินไปโดยที่ไม่มีความรัก มันน่าเสียดาย…

ฉันเองเจอกันคนรู้ใจก็ตอนอายุ 22-23 นั่นล่ะ เขาเป็นหนุ่มจีนอายุ 25 ตอนที่พบกันนั้นเป็นเรื่องที่ดีเอามากๆเลยนะ เรามีค่านิยมที่ไม่จำเป็นที่จะต้องแต่งงานด้วยกัน ทำให้ความสัมพันธ์ก็อยู่ในระดับคนรักมาตลอดเมื่อตอนอายุ 20กว่าๆ คล้ายๆกับเรื่อง Les amants du Flore ใช่ไหมล่ะ ?

ในที่สุดเนื่องจากปัญหาการดำเนินการต่างๆทำให้คิดว่าต้องเอาชื่อเข้าทะเบียนราษฎร์ดีกว่า ก็เลยตัดสินใจแต่งงานกันก่อนที่ฉันจะอายุ 50 แต่แต่งงานกันตอนอายุเท่าไหร่ฉันเองก็จำไม่ได้ ทั้งเรื่องอายุ เรื่องความรัก ไม่ว่าเรื่องไหนก็โอเคทั้งนั้นล่ะ!

“อายุ 60” ไปแล้ว เป็นช่วงเวลาแห่ง “การเปล่งประกายได้อย่างอิสระ” ของผู้หญิง!


ฉันเองก็ออกงานอีเว้นท์ในคลับนะ แต่เชื่อไหมว่าไม่เคยได้ที่แบบนี้ตอนสาวๆเลยล่ะ ตอนที่ลาออกมาจากงานเลขาฯ แล้วมาทำงานที่ร้านเกี๊ยวซ่าโซมุระเต็มตัวนั้น ฉันต้องใช้ชีวิตในการเทรนงานตอนบ่ายโมง และก็ยืนทำงานจนถึงตี 1 เวลาที่จะไปเที่ยวกลางคืนแบบนั้นก็ไม่มีล่ะ

ตอนสามีเสีย ฉันก็น่าจะอายุประมาณก่อนอายุ 60 นิดๆ ละมั้ง ฉันเองก็จำไม่ค่อยได้ บางทีจะหยิบทะเบียนบ้านออกมาแล้วคิดว่าจะตั้งใจจำละนะ แต่ก็ลืมทันที ^0^

เอาล่ะ พอสามีเสียชีวิต ฉันเองก็อยู่คนเดียว … 
จากนั้นฉันก็ไปสอบใบขับขีเป็นครั้งแรก แล้วก็จะไปเที่ยว! ซึ่งครั้งแรกที่จะไปเที่ยวคนเดียวนั้น ฉันไปนิวยอร์ค!!!
แล้วฉันก็ลาพักร้อน 1 อาทิตย์ไปท่องเที่ยวมากมาย ด้วยตัวคนเดียวอย่างสบายใจเลยล่ะ
และฉันก็ได้เจอกับคุณเอเดรียน ชาวฝรั่งเศสที่มาพักผ่อนในญี่ปุ่นและได้มาพักที่ห้องเช่าของบ้านเรา เขาคือผู้สนับสนุนอีเว้นท์ของ DJ พอฉันโดนเขาชวนไปงานก็ลองไปดู ทีนี้ก็เลยติดใจ กลายเป็นว่าไปงานอีเว้นท์แบบนั้นบ่อยเลยทีเดียว…

ทีนี้เขาพูดว่า ซุมิโกะลองมาเล่นดูไหม พอเราลองเล่นๆ สแครชดูแล้ว ฝีมือก็ยังไม่ดีอยู่ เล่นเหมือนจานหมุนของลิงเลย แต่มันสนุกมากๆเลยนะ เลยทำให้อยากเรียนจริงๆขึ้นมา พอคิดอย่างนั้นก็เลยไปที่โรงเรียนสอนดีเจ โรงเรียน IDPS (international dj production school) เริ่มเรียนตอนฉันอายุ 77 ปีค.ศ.2012

ยังไม่เต็มอิ่มกับชีวิต และก็ไม่นึกถึงชีวิตที่เหลือ! ดังนั้นวันนี้ก็จะทำสิ่งที่อยากทำ เดี๋ยวนี้!!!

จากวันนั้นก็ทำร้านมุโระควบคู่กับการเป็นดีเจมาตลอด และจะไปออกงานเดือนละ 1-2 ครั้ง ทำงานที่ร้านตั้งแต่่ช่วงเย็นถึงตอนกลางคืนแล้วจากที่นั่นก็ไปต่อที่คลับ หลักๆแล้วจะออกงานในประเทศ แต่ก็เคยไปงานที่ปารีสและนอร์มังดีละนะ เมื่อวันก่อนก็มีคิวงานที่ FUJI ROCK FESTIVAL มาเสนอ แต่ดันติดงานอื่นไปแล้วก็เลยต้องปฏิเสธไป…

เพลงของฉันเป็นบทเพลงที่มีธีมเป็นแขนอะตอมที่แข็งแกร่ง! เพราะเป็นผู้หญิงที่ใช้ชีวิตอยู่ที่ทากาดะโนะบาบา (Takadanobaba : 高田馬場) มาตลอด ซึ่งเพลงที่เล่นออกมาก็หลากหลายนะ แนวเทคโนก็ชอบ ก่อนหน้านี้ก็เล่นแนวร๊อคไป

ถ้าจะถามว่า ฉันคนที่เป็นคนทำอาหาร กับ ฉันคนที่โลดแล่นอยู่รอบๆเครื่องสแครชแผ่น คนไหนคือตัวตนจริงๆละก็ ต้องบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นคนไหนก็เป็นฉันจริงๆ นั่นแหละ! ตอนที่อยู่รอบๆหม้อแล้วมีลูกค้าเดินมาพูดว่าอาหารของฉันอร่อย ฉันเองก็รู้สึกดีใจ ตอนที่อยู่ตรงแท่น DJ BOOTH แล้วมองเห็นทุกคนเต้นไปตามบทเพลงอย่างสนุกสนาน นั่นฉันก็ดีใจ สำหรับฉันแล้วไม่มีอะไรต่างกันเลยล่ะ
เคยถูกถามอยู่บ่อยๆนะ ว่า “ทำไมดูแข็งแรงได้ขนาดนั้น” อาจจะเป็นเพราะว่า ฉันจนละมั้ง ด้วยความไม่ระวังก็เลยไม่มีเงินเก็บ ครั้นจะวางใจกับเงินบำนาญนั้นก็คงไม่ได้ ก็เลยทำงานมาจนอายุปูนนี้ คงไม่มีเหตุผลเก๋ๆอะไรหรอก แค่ต้องทำงานอย่างปกตินั่นล่ะ

แต่ไหนแต่ไรก็เป็นคนว่างไม่เป็นอยู่แล้ว ชอบอยู่แบบยุ่งๆมากกว่าน่ะ ถึงอายุจะขนาดนี้แล้วแต่ก็ยังมีสิ่งที่อยากจะทำอยู่มากมาย ฉันเองก็ไม่เคยเข้าใจชีวิตของตัวฉันเองนะ ทำไมทำร้านไม่สามารถทำร้านให้ใหม่ได้ทั้งๆที่ร้านมุโระก็ขายดี หรือบางครั้งก็ไม่อยากจะบ่นนุ่นนี่ ให้วุ่นวาย

ถึงอายุจะ 80 กว่าแล้ว แต่ยังไม่ได้จินตนาการถึงช่วงชีวิตที่เหลืออยู่เลย ตอนนี้ที่อยากทำที่สุด คืออยากไปทำดีเจที่คลับในนิวยอร์คนะ แล้วก็อยากจะไปเที่ยวที่ อิบิซ่า, คอร์ซิก้า, ซิซิลี่ ดังนั้นก็เลยพยายามทำงานให้เต็มที่!

ฉันคิดว่า ชีวิตเรา จะทำในสิ่งที่อยากทำให้สำเร็จนั้น มันสั้นเกินไป ดังนั้นถ้ามีอะไรที่อยากจะทำ อย่าไปใส่ใจอายุ แต่ให้ลองทำเลยน่าจะดีกว่า ถ้าเราทำไปตามเกณฑ์และไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อนแล้วละก็ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำไม่ได้!

 

พ่อฉันชื่อ ทาโนชิ (楽之) ซึ่งอักษรตัวนี้ คือ 之(これ) = อันนี้ และ อักษรตัวนี้ 楽 (らく) = สนุกสนาน ซึ่งแปลว่า สนุกไปกับสิ่งนี้ ซึ่งอาจจะทำให้ครอบครัวเราเป็นแบบนี้ก็เป็นได้

ฉันคิดว่า ทั้งตัวฉัน ทั้งงาน และ ชีวิตดีเจเอง จะทำให้ทั้งหมดนั้นเป็นชีวิตที่สนุกสนานเลยล่ะ!!!

บทสัมภาษณ์โดย โยชิอากิ โยโกงาวะ (横川良明) / ภาพ โดย ซุมิโกะ อิวามุโระ (岩室純子) หรือ DJ Sumi Rock

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook